หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

"31 ตุลาคม" ฤกษ์ดีที่จะเริ่มต้นร่ำรวยอมตะนิรันดร์กาล


31 ตุลาคม เป็นวันอะไร ? คำตอบส่วนใหญ่ที่ได้รับน่าจะเป็น วันฮัลโลวีนหรือวันปล่อยผีของฝรั่ง แต่หลายคนคงไม่ทราบว่า เมืองไทย วันที่ 31 ตุลาคมของทุกปี เป็น "วันออมแห่งชาติ" ด้วย

คณะรัฐมนตรีกำหนดให้มีวันออมแห่งชาติมาตั้งแต่ปี 2541 จุดประสงค์เพื่อส่งเสริมให้คนไทยรักและตระหนักถึงความสำคัญของการออมเงิน เพื่ออนาคตที่มั่นคง

นอกจากการ "หาเงิน" ให้มากแล้ว สิ่งที่สำคัญกว่าคือ "การออม" เพื่อรักษาเงินที่ได้มา ทำให้มีชีวิตที่มั่นคง สามารถเอาไปใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือวัยเกษียณที่ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ อีกทั้งยังเป็นการฝึกทักษะการบริหารจัดการเงินอีกด้วย

ว่ากันว่า คนรวยไม่ใช่คนมีเงินเดือนสูงๆ หารายได้มากๆ แต่เป็นคนที่เก็บออมเงินได้มากกว่า (ส่วนใหญ่ประมาณสิบเปอร์เซนต์ของเงินเดือนเป็นอย่างน้อย) เราคงเคยพบคนเงินเดือนหลายหมื่นแตะหลักแสน ขับรถราคาแพง มีไลฟ์สไตล์หรูหราฟู่ฟ่า แต่แบกหนี้สินไว้เพียบ ไม่มีแม้กระทั่งเงินฝากธนาคาร ลงแบบนี้ถ้าชีวิตมีเรื่องวิกฤต คงต้องขายบ้านขายรถมาใช้จ่าย

ใครมีเงินออมเยอะว่าเยี่ยมแล้ว แต่ที่เยี่ยมกว่าคือ "นำเงินเก็บไปเพิ่มมูลค่า" ที่มากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำ วิธีบริหารจัดการเงินเก็บมีมากมายทั้งปลอดภัยหรือความเสี่ยงต่ำเช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นหู้บริษัทเอกชน กองทุนรวมตลาดเงิน ทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ และความเสี่ยงสูงแต่ก็ได้ลุ้นผลตอบแทนที่สูงเช่นกันอย่าง ลงทุนในตลาดหุ้น ลงทุนใน TFEX (ตลาดซื้อชายอนุพันธ์ล่วงหน้า) กองทุนรวมหุ้น กองทุนรวมในทรัพย์สินทางเลือก เช่น ทองคำ น้ำมัน หรืออสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

การนำเงินเก็บไปบริหารจัดการในรูปแบบของการลงทุน เริ่มเป็นที่สนใจของคนไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สังเกตุได้จากการเผยแพร่แนวคิดมุมมองผ่านรายการทีวี สื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออินเตอร์เน็ต คอร์สอบรมสัมมนา ฯลฯ ผู้สนใจเรื่องลงทุนไม่ได้มีเพียงผู้มีรายได้สูงหรือฐานะปานกลางระดับบวก แต่รวมถึงหนุ่มสาวที่เพิ่งทำงานใหม่ๆ รายรับน้อย แม้กระทั่งวัยรุ่นที่ยังเรียนหนังสือยังสนใจลงทุน ซึ่งนับเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับอนาคตของชาติที่จะได้พ้นจากภาพลักษณ์ "จน เครียด กินเหล้า" ที่นำมาล้อเลียนกัน

"การลงทุน" เป็นวิธีหารายได้แบบ Passive Income คือ เงินงอกเงยโดยไม่ต้องทำงานประจำ ต่างกับ Active Income ซึ่งต้องทำงานถึงมีเงิน งานหยุดเงินหยุด ใครสนใจวิธีหารายได้สองแบบนี้ สามารถอ่านได้จากหนังสือ "เงินสี่ด้าน" เขียนโดย โรเบิร์ต คิโยซากิ เจ้าของหนังสือซีรี่ส์ดัง "พ่อรวยสอนลูก" (Rich Dad Poor Dad)

นอกจากลงทุนแล้ว อีกวิธีหนึ่งที่จะมีรายได้แบบ Passive คือ "เจ้าของธุรกิจ" ซึ่งคิโยซากิได้แจกแจงเส้นทางที่จะมีกิจการของตัวเองไว้ 3 แบบ คือ (หนึ่ง) การสร้างบริษัทใหญ่ๆเช่น เดลล์คอมพิวเตอร์ หรือฮิวเลตต์แพคคาร์ด ซึ่งเริ่มต้นในหอพักนักศึกษาและในโรงรถ , (สอง) การซื้อระบบแฟรนไชส์มาบริหารอย่างแม็คโดนัลด์ และ (สาม) การลงทุนในธุรกิจเครือข่ายหรือเอ็มแอลเอ็ม

สองแบบแรกต้องอาศัยเงินลงทุนก้อนโต ต้องใช้ทักษะความรู้ความสามารถประสบการณ์ทางธุรกิจ การตลาด การบริหาร การเงิน ฯลฯ ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจ ต้องกระโดดลงไปทำธุรกิจช่วงเริ่มต้นอย่างเต็มเวลา และเต็มไปด้วยความเสี่ยง อาจต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดความทุกข์ ขณะที่ธุรกิจเครือข่าย เราสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้ด้วยเงินลงทุนต่ำ ความเสี่ยงน้อย ทำงานหนักระยะเวลาหนึ่งก็สามารถเกษียณ แต่มีรายรับเข้ามาเรื่อยๆ และที่สำคัญ สามารถทำงานประจำต่อไปได้อีกด้วย

ถ้าสนใจนำเงินเก็บไปบริหารจัดการด้วยธุรกิจเครือข่าย คิโยซากิได้เขียนหัวข้อนี้ออกมาหนึ่งเล่มเต็มๆชื่อ "โรงเรียนสอนธุรกิจ สำหรับคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น" (Rich Dad's the Business School for People who Like Helping People) หนาประมาณสองร้อยหน้า หรืออาจได้จากบล็อกของผมคือ http://tapanaone.blogspot.com

ขอให้วันนี้ วันที่ 31 ตุลาคม เป็นวันเริ่มต้นสู่ความร่ำรวยแบบถาวร มีอิสรภาพทางการเงิน ใช้ชีวิตแบบเลือกได้ ของผู้อ่านทุกท่านครับ ^__^

"เอ็กซ์" ฐปน วันชูเพลา (ผู้เขียน)

ร่วมเรียนรู้เพื่อ "เปิดโอกาสใหม่ๆให้กับชีวิตhttp://www.elite-powerteam.com/tapana


เพื่อมอบกำลังใจอันยิ่งใหญ่ให้กับผู้เขียน ^__^
ถ้าชอบกด Like ถ้าใช่กด Share ถ้าทั้งชอบทั้งใช่ กรุณากดทั้ง Like ทั้ง Share ได้เลยครับ อย่าได้เกรงใจ

ช่องทางติดต่อผู้เขียน …
อีเมล์  tapanaone@gmail.com
เฟซบุ๊ค  https://www.facebook.com/tapana.jcteam
แฟนเพจ  https://www.facebook.com/MLM.MoneyLovesMe
แบ่งปันมุมมอง ประสบการณ์ และโอกาสดี ๆ  http://tapanaone.blogspot.com และ http://www.bangsaensook.com/Business

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น