หน้าเว็บ

วันพุธที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556

หล่นมาจากฟ้า? อยู่เฉยๆก็รับเงิน

โดยส่วนตัวไม่รู้สึกว่าเสน่ห์ของ "ธุรกิจเครือข่าย" อยู่ที่จำนวนเงิน เพราะอีกหลายอาชีพก็ได้รับเงินก้อนโตพอฟัดพอเหวี่ยงกัน แต่มองว่าเป็น "กระแสเงิน" ที่ไหลมาเรื่อยๆประหนึ่งสายน้ำมากกว่าครับ มีเงินเข้าทั้งที่ไม่ได้ทำอะไร ได้แบบไม่รู้เนื้อตัว ตื่นขึ้นมาก็เจอเงินเพิ่มในบัญชีธนาคาร กำลังนั่งใจลอยก็มีข้อความเข้ามือถือแจ้งว่ามีเงินเข้า เซอร์ไพรส์แบบนี้เป็นใคร ใครก็เอาใช่ไหมครับ

รายได้ลักษณะนี้ ฝรั่งบัญญัติศัพท์ว่า Passive Income คือได้เงินแบบไม่ต้องออกแรง ตรงข้ามกับ Active Income ซึ่งเป็นวิธีหาเงินของคนส่วนใหญ่ในโลก ถ้าไม่ทำงานก็ไม่ได้เงิน มนุษย์เงินเดือน พ่อค้าแม่ขาย ฟรีแลนซ์ ล้วนจัดอยู่ในกลุ่มนี้ทั้งนั้น

เวลาไปนั่งฟังบรรยาย OPP เพื่อชักจูงกล่อมตะล่อมให้มาเป็นนักธุรกิจเครือข่าย รายได้แบบ Active กับ Passive ถือเป็นหัวข้อเด็ดที่ต้องนำมาพูดถึง สามารถโน้มน้าวให้คนฟังเคลิ้ม ฝันเห็นธนบัตรโผล่ออกมาจ๊ะเอ๋บ้าง แต่อีกใจหนึ่ง คงสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไร อยู่เฉยๆแต่รับเงิน หรือบริษัทพวกนี้มีธรรมเนียมแจกอั่งเปานอกเทศกาลตรุษจีน

เอ็มแอลเอ็มไม่ใช่องค์กรกุศลที่ไม่หวังผลกำไร บริษัทคิดอะไรทำอะไรต้องได้ผลประโยชน์เข้าตัวอยู่แล้ว เพียงแต่วิธีคิดมีเป้าหมายให้ win-win ทั้งบริษัทและนักธุรกิจเครือข่าย ซึ่งท้ายสุดแล้ว ถ้าคนทำงานยิ่งได้มากเท่าไร บริษัทจะได้เยอะทับทวีคูณ ก็ยุติธรรมดี

1.สมมุติคุณเป็นพนักงานขาย นอกจากได้รับเงินเดือนจากบริษัทแล้วยังได้ค่าคอมมิชชั่นด้วย เช่น รับเปอร์เซนต์ของราคาสินค้าต่อชิ้นที่ขายได้ และถ้ายอดขายรวมสูงกว่าเพดานที่บริษัทกำหนด เกินแสนบาทต่อเดือน ก็จะได้เปอร์เซนต์ที่สูงขึ้น จาก 3 เป็น 5 เปอร์เซนต์เป็นต้น

2.สมมุติคุณเป็นหัวหน้าทีมขาย มีลูกน้องสิบคน นอกจากคอมมิชชั่นยอดขายส่วนตัวแล้ว บริษัทยังแบ่ง 1 เปอร์เซนต์มาจากยอดขายรวมของลูกน้องแต่ละคนให้คุณด้วย และยิ่งยอดขายรวมทั้งทีมเกิน 1.5 ล้านบาท คุณจะได้เพิ่มเป็น 2 เปอร์เซนต์ เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้คุณพัฒนาลูกทีมเป็นนักขายชั้นเซียน

3.บริษัทมีนโยบายใหม่ อนุญาตให้พนักงานทุกคนสร้างทีมขายของตัวเองได้ จากที่คุณเคยมีลูกน้อง 10 คน ก็เพิ่มเป็น 10 ทีม แต่ละทีมมีลูกน้องไม่เท่ากัน แต่เพื่อให้มองภาพง่ายๆ ให้ลูกน้อง 10 คนแรกของคุณ มีลูกน้องในทีมตัวเอง 3 คนเท่ากัน รวมเป็น 30 คน ทั้งหมดถือเป็นลูกน้องแถวที่ 2 ของคุณ เพิ่มเติมจากลูกน้องแถวแรก 10 คน แต่ไฮไลท์อยู่ที่คุณยังได้คอมมิชชั่นจากผลงานของ 30 คนแถวสองนี่ด้วย

4.จากนโยบายดังกล่าว พนักงานขายแถวสอง 30 คน สามารถสร้างทีมของตัวเองได้ด้วย สมมุติว่า 30 คนมีลูกทีม 5 คนเท่ากัน นั่นคือ คุณมีลูกน้องแถวสามมากถึง 150 คน และเช่นเดิม คุณยังได้คอมมิชชั่นจากพนักงานขายทุกคนทั้งแถวหนึ่ง 10 คน, แถวสอง 30 คน และแถวสาม 150 คน (หัวหน้าทีมแถวสองและสาม ก็ได้คอมมิชชั่นจากพนักงานชั้นต่ำลงไปเช่นกัน)

อย่าสนใจเลยครับว่า บริษัทจ่ายคอมมิชชั่นแต่ละแถวอย่างไร มันสมองระดับนี้บวกลบคูณหารตัวเลขเงินพร้อมวางเงื่อนไข เพื่อจัดสรรผลตอบแทนแต่บริษัทยังมีกำรี้กำไรมหาศาลได้อยู่แล้ว

5.เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก พนักงานขายที่อยู่ภายใต้เครือข่ายของคุณมีหลักพัน ณ จุดจุดนี้ไม่รู้ใครเป็นใครแล้ว คุณรู้จักและดูแลสารทุกข์สุกดิบได้เพียงพนักงาน 2-3 แถวแรกเท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นร้อยๆคนนั้นก็มีหัวหน้าทีมระดับชั้นที่อยู่ใกล้เคียงดูแลสอนงานคอยแก้ไขปัญหากันไปณ จุดจุดนี้อีกที คุณไม่ได้ออกไปขายสินค้าเองแล้ว เงินเดือนจากบริษัทก็เอาไปทำบุญทำกุศล แค่คอมมิชชั่นจากพนักงานในเครือข่ายก็เพียงพอเลี้ยงชีพไปสบายๆแล้ว


เงินที่โผล่แบบไม่รู้ที่มาที่ไปในธุรกิจเครือข่าย มีต้นสายปลายเหตุคล้ายกับตัวอย่างที่ยกมาข้างต้นนั่นเอง แม้ไม่ตรงความจริงเสียทีเดียวแต่คงพอทำให้เห็นภาพได้บ้างนะครับ นอกจากนี้แต่ละบริษัทก็มีแผนธุรกิจที่รายละเอียดแตกต่างกันไป บ้างก็ทำได้จริง บ้างก็ทำจริงได้ยาก บ้างก็สมเหตุสมผลทำได้ตลอดไป บ้างก็ทำได้ไม่กี่ปี บริษัทจ่ายผลตอบแทนไม่ไหว ต้องปิดกิจการเลิกไปเลย ตรงนี้ต้องเลือกบริษัทและศึกษาแผนธุรกิจให้ดีๆ

หลักสำคัญที่ธุรกิจเครือข่ายนำไปใช้กระจายผลตอบแทนคือ "หลักคานผ่อนแรง" ซึ่ง พอล เก็ตตี้ มหาเศรษฐีพันล้านคนแรกของโลก กล่าวไว้ว่า "ผมยินดีรับผลตอบแทนหนึ่งเปอร์เซนต์จากการทำงานของคนร้อยคน มากกว่าได้รับผลตอบแทนร้อยเปอร์เซนต์จากการทำงานของผมเพียงคนเดียว"

ดังนั้นถ้าเปรียบกับตัวอย่างข้างต้น

รับผลตอบแทนร้อยเปอร์เซนต์จากคนเดียว = กรณีที่ 1 = Active Income

รับผลตอบแทนหนึ่งเปอร์เซนต์จากคนร้อยคน = กรณีที่ 5 = Passive Income

กรณีที่ 1 เป็นวิธีทำงานหาเงินที่คนส่วนใหญ่บนโลกทำกัน และน่าจะเป็นเช่นนั้นต่อไป ส่วนกรณีที่ 5 เป็นวิธีของคนส่วนน้อย ประมาณหนึ่งเปอร์เซนต์ของประชากรโลกเท่านั้น แต่แนวโน้มจะมีผู้คนเข้ามาอยู่ในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ช่วงที่คนคิดและทำแบบนี้ยังน้อย คู่แข่งก็น้อยแบบนี้ ลองตัดสินใจดูนะครับว่า จะปรับเปลี่ยนวิธีทำงานหาเงินดีไหม?

ร่วมเรียนรู้เพื่อ "เปิดโอกาสใหม่ๆให้กับชีวิต"  http://www.elite-powerteam.com/tapana

"เอ็กซ์" ฐปน วันชูเพลา (ผู้เขียน)


และเพื่อมอบกำลังใจอันยิ่งใหญ่ให้กับผู้เขียน ^__^
ถ้าชอบกด Like ถ้าใช่กด Share ถ้าทั้งชอบทั้งใช่ กรุณากดทั้ง Like ทั้ง Share ได้เลยครับ อย่าได้เกรงใจ

ช่องทางติดต่อผู้เขียน …
อีเมล์  tapanaone@gmail.com
เฟซบุ๊ค  https://www.facebook.com/tapana.jcteam
แฟนเพจ  https://www.facebook.com/MLM.MoneyLovesMe
แบ่งปันมุมมอง ประสบการณ์ และโอกาสดี ๆ  http://tapanaone.blogspot.com และ http://www.bangsaensook.com/Business

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น