หน้าเว็บ

วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ธุรกิจเครือข่ายเป็นพระเอกหรือผู้ร้ายกันแน่

คุ้นเคยใช่ไหมครับกับโพสต์บนเฟซบุ๊คเชื้อเชิญให้ทำธุรกิจเครือข่าย..ทำงานเดือนเดียวได้หลักพัน หกเดือนได้หลักหมื่น ปีกว่าๆได้หลักแสน ห้าปีรับหลักล้าน แถมได้เที่ยวรอบโลก จ่ายจริง รับจริง เกษียณได้ไม่ต้องรออายุหกสิบ เลิกทำงานแต่รายได้ยังไม่หยุด ฯลฯ ก็เพราะโฆษณาที่ให้ความรู้สึกเหมือนเงินได้มาง่ายๆแบบนี้เอง (แม้ทำจริงได้จริงๆ) ภาพธุรกิจเครือข่ายจึงออกสีเทาๆ โดนมองในแง่ลบ

แต่ความจริงแล้ว ธุรกิจการตลาดแบบเครือข่าย (Network Marketing Business) หรือ เอ็มแอลเอ็ม (Multi-Level Marketing) เป็นอาชีพที่ได้รับการยอมรับในหลายประเทศ รวมถึงชาติใหญ่ๆในโลกธุรกิจ ตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการในปี 2555 ทั่วโลกมีนักธุรกิจเครือข่ายราว 91.5 ล้านคน หรือประมาณหนึ่งเปอร์เซนต์ของประชากรโลก (เจ็ดพันล้านคน) พวกเขาช่วยกันสร้างยอดขายมหาศาลถึง 1.6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 4.8 ล้านล้านบาท

สหรัฐอเมริกามีตลาดเอ็มแอลเอ็มใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก คิดเป็นสัดส่วนยี่สิบเปอร์เซนต์ของทั้งโลก ตามด้วยญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ และบราซิล ถ้าพิจารณาระดับทวีป นักธุรกิจครือข่ายชุมนุมอยู่ในเอเชียมากที่สุดคือ 52 ล้านคน อเมริกาเหนือรองลงมา 16.3 ล้านคน ขณะที่แอฟริกาใต้น้อยที่สุดยังมีถึง 1.4 ล้านคน

เมืองไทย ตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการอยู่ที่ 5.4 ล้านคน หรือประมาณ 8.1 เปอร์เซนต์ของฐานประชากร (67 ล้านคน) สามารถสร้างยอดขายรวมกันได้ถึง 8.3 หมื่นล้านบาท แถมแต่ละปียังมีอัตราเติบโตราว 5-7 เปอร์เซนต์ เอ็มแอลเอ็มจึงเป็นธุรกิจและอาชีพที่มีอนาคตสดใสทีเดียว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เพื่อนบ้านจะเข้ามาทำอาชีพนักขายอย่างถูกกฎหมายมากมายเช่น บริษัทซูเลียนมีชาวพม่ามากเป็นอันดับหนึ่งประมาณ 5,000 คน ทำยอดขายหลายสิบล้านบาทต่อเดือน ขณะที่งานบรรยายเปิดโอกาสทางธุรกิจหรือ OPP ของค่ายใหญ่ๆอย่าง จอยแอนด์คอยน์, คังเซน-เคนโก, ยูนิซิตี้, นีโอไลฟ์, กิฟฟารีน ต่างมีชาวพม่า ลาว และกัมพูชา เป็นจำนวนมากเดินทางไกลๆเข้ามานั่งฟังโอกาสทำเงินและพัฒนาคุณภาพชีวิต

มีการมองอนาคตของธุรกิจเครือข่ายในปี 2558 ยุคเออีซี (ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน) ซึ่งสิบประเทศในกลุ่มมีประชากรรวมกันกว่า 600 ล้านคน ว่า ยอดขายในไทยอาจทะลุหลักแสนล้านต่อปีทีเดียว เพราะช่วงสิบปีที่ผ่านมา บางบริษัทได้ปูพื้นรุกเข้าไปเปิดตลาดลาว พม่า กัมพูชา และเวียดนามแล้ว ไม่นับการซื้อขายบริเวณชายแดน จึงเชื่อได้ว่า เออีซีจะทำให้วงการเอ็มแอลเอ็มเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นับเป็นเป็นรถด่วนสายธุรกิจที่น่าร่วมเดินทางไปด้วยมาก

เพราะอะไร คนทั่วโลกจึงหันมาทำธุรกิจเครือข่ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถูกยกให้เป็น "อาชีพแห่งอนาคต"

ถ้าให้ตอบแบบสั้นๆ ก็เพราะเอ็มแอลเอ็มช่วยให้คุณมีธุรกิจของตัวเองโดยลงทุนต่ำ เสี่ยงน้อย ทำงานประจำต่อไปได้ ใช้เวลาเร็วที่จะคืนทุน และมีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่องถึงขั้นเกษียณหลังจากทำไม่กี่ปี

โรเบิร์ต คิโยซากิ เจ้าของหนังสือซีรี่ส์ดัง "พ่อรวยสอนลูก" ได้จัดธุรกิจเครือข่ายไว้ในกลุ่ม Business ซึ่งมีรายได้แบบ Passive Income ไม่ใช่กลุ่ม Small Business ในฝั่ง Active Income คิโยซากิถึงขนาดเขียนเรื่องธุรกิจเครือข่ายเป็นเล่มเดียวโดดๆชื่อ "โรงเรียนสอนธุรกิจ สำหรับคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น" (Rich Dad's the Business School for People who Like Helping People) หนาประมาณสองร้อยหน้า

คิโยซากิแนะนำชักชวนให้ผู้คนทำธุรกิจเครือข่ายทั้งที่ตัวเองไม่ได้ร่ำรวยขึ้นมาจากธุรกิจนี้ ว่ากันตามจริงเมื่อปี 1970 ช่วงที่เขากำลังก่อร่างสร้างตัว ทำทั้งงานประจำและธุรกิจส่วนตัว เพื่อนเคยชักชวนเขาให้เข้ามาทำธุรกิจดังกล่าว แต่เขาก็ไม่ได้สนใจและไม่ได้คิดถึงธุรกิจเครือข่ายอีกเลยจนกระทั่งอีกสิบห้าปีต่อมา

คิโยซากิ กล่าวว่า "ทำงานให้ร่ำรวยไม่ได้ทำกันง่ายๆ กว่าผมจะเรียนรู้และได้ประสบการณ์จนสร้างธุรกิจสำเร็จขนาดนี้ ต้องใช้เวลามากกว่าสามสิบปี ต้องพบกับความล้มเหลวสองครั้ง แต่ธุรกิจเครือข่ายจะมอบ 'ระบบธุรกิจสำเร็จรูป' ให้กับคนที่ต้องการควบคุมอนาคตทางการเงินของตัวเอง"

กุญแจดอกสำคัญคือ "เครือข่าย" ... หลายคนใช้ประโยชน์จากพลังของเครือข่าย บางคนพึ่งพามันโดยไม่รู้สึกตัว บางคนรู้จักมันในชื่อ Connection บางคนลงเรียนหลักสูตรเพื่อสร้างคอนเน็คชั่นหรือสายสัมพันธ์ แฟรนไชน์อย่างร้านสะดวกซื้อเลข 7 ประสบความสำเร็จด้วยเน็ตเวิร์ค เครือข่ายโทรศัพท์มือถือนี่ก็ใช่

"พ่อรวย" เคยพูดกับคิโยซากิ ว่า "คนรวยมองหาวิธีสร้างเครือข่าย ขณะที่คนทั่วไปมองหางานทำ" ส่วนคิโยซากิเองก็บอกว่า "หลายบริษัทในอุตสหกรรมการตลาดแบบเครือข่าย พยายามเลี่ยงที่จะใช้คำว่า 'การตลาดแบบเครือข่าย' เพราะให้ความหมายไปในทางลบ แต่ 'เครือข่าย" นี่แหละเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จทางด้านการเงินอย่างแท้จริง"

เป็นอันรับประกันได้ว่า "พลังเน็ตเวิร์ค" พลักดันให้นักธุรกิจเครือข่ายรวยจริงรวยถาวรตามโฆษณาย่อหน้าแรกแน่นอน ขอเพียงเลือกทำกับบริษัทที่มีธรรมาภิบาล ทุ่มเททำงานเต็มที่ประหนึ่งเถ้าแก่หอบเสื่อหมอนใบมาจากโพ้นทะเล หนักเอาเบาสู้ ไม่ย่อท้อต่อปัญหาอุปสรรค หมั่นเรียนรู้ทักษะด้านต่างๆพัฒนาตัวเอง

ก่อนเข้ามาทำธุรกิจเครือข่าย ข้อมูลของบริษัทที่ต้องศึกษาให้มากเป็นพิเศษเพราะสำคัญต่อเส้นทางสู่เศรษฐีว่าใช้เวลาช้าเร็ว ขรุขระหรือโรยด้วยกลีบกุหลาบ ก็คือ แผนธุรกิจหรือแผนการตลาด ของบริษัทนั้นๆ เพราะจะช่วยตอบคำถามว่า เราจะได้ผลตอบแทนจากการทำงานเอ็มแอลเอ็มอย่างไร อ่านแล้วจะเลิกสงสัยเลยว่า เศรษฐีเอ็มแอลเอ็มรวยได้อย่างไร เครือข่ายทำเงินให้เราแบบไหน มันต่างจากแชร์ลูกโซ่ที่ต้มตุ๋นตรงไหน

ท้ายที่สุด ข้อมูลดังกล่าวจะช่วยให้มีทัศนคติที่ดีต่อธุรกิจเครือข่าย ลุยงานได้ชนิดใจไม่เคลือบแคลงสงสัยอะไรอีก

เมื่อคิดดีทำดีพูดดีแล้ว "รวยแน่" คอนเฟิร์ม!!!

ร่วมเรียนรู้เพื่อ "เปิดโอกาสใหม่ๆให้กับชีวิต"  http://www.elite-powerteam.com/tapana

"เอ็กซ์" ฐปน วันชูเพลา (ผู้เขียน)


และเพื่อมอบกำลังใจอันยิ่งใหญ่ให้กับผู้เขียน ^__^
ถ้าชอบกด Like ถ้าใช่กด Share ถ้าทั้งชอบทั้งใช่ กรุณากดทั้ง Like ทั้ง Share ได้เลยครับ อย่าได้เกรงใจ

ช่องทางติดต่อผู้เขียน …
อีเมล์  tapanaone@gmail.com
เฟซบุ๊ค  https://www.facebook.com/tapana.jcteam
แฟนเพจ  https://www.facebook.com/MLM.MoneyLovesMe
แบ่งปันมุมมอง ประสบการณ์ และโอกาสดี ๆ  http://tapanaone.blogspot.com และ http://www.bangsaensook.com/Business

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น